ผมก็คนหนึ่งละครับ
แวะไปดูเล่นได้ครับ ^^
https://www.youtube.com/user/ruttapolnueng
เริ่มต้นเมื่อครั้งที่ตอนเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัย วันแรก(สีปีมาแล้ว) ตอนปีหนึ่งผมเองก็ตั้งใจจะใช้จักรยานเป็นพาหนะหลักในการเดินทาง ปั่นไปเรียน ปั่นเที่ยวปั่น ออกกำลังกาย
จักรยานคันแรก(สำหรับการเข้ามหาวิทยาลัย) ค้นหาแนวของตัวเองอยู่นาน
ในระหว่างที่ เรียนอยู่ผมได้คนหาแนวการปั่นของตัวเองอยู่นาน ด้วยงบที่มีอยู่เพียงน้อยนิด ทำให้ต้องใช้รถคันเดิมปรับแต่งเป็นแบบต่าง ๆ เช่น เดิมที่เป็นจักรยานเสือภูเขาก็ได้ปรับแต่งให้เป็นจักรยานไฮบริด (
ศึกษาด้วยตัวเองครับ) โดยเปลี่ยนจากยางใหญ่ ๆ ของเสือภูเขาเป็นยางที่เล็กลง เพื่อให้ ปั่นในทางเรียบได้สบายขึ้น (ออกแรงน้อยไปได้เร็วขึ้น) และลองใส่แฮนแบบจักรยานเสือหมอบ
จักรยานคันแรกได้ผ่านการปรับแต่งนั้นโน้นนี้ จนออกมาเป็นตามภาพ
เมื่อทดสอบอยู่พักใหญ่ๆ
ใช้ปั่นทุกแบบตามปกติ(ปกติของผมนะครับ) แต่สุดท้ายก็พบว่าไม่ค่อยชอบเพราะยางที่เล็กทำให้ความรู้สึกแข็งกระด้าง สะเทือนมาก ด้วยส่วนตัวชอบนุ่มๆ แต่ยังคงต้องการการปั่นแบบทางเรียบให้สบาย เลยหาโช๊คหน้ามาใส่ แน่นอนเมื่อผมเริ่มจริงจังกับจักรยาน ผมก็เริ่มเก็บเงินเพื่ออัพเกรดจักรยานคันโปรด ของผม อุปกรณ์ชิ้นแรก คือโช๊คหน้า
ภาพ หลังจากการอัพโช๊คหน้า ในขณะที่ยังใส่แฮนหมอบอยู่ เก๋ไก๋ซะไม่มี ฮ่าๆๆๆ
หลังจากคนพบว่าชอบแนวการปั่นแบบ ลุยๆ เสือภูเขา ผมเองเลยเปลี่ยนกลับมาใช้ยางใหญ่เหมือนเดิม และเปลี่ยนมาใช้แฮนตรงแบบเสือภูเขาทั่วไปเพื่อความคล่องตัว และศึกษาเรียนรู้อยู่กับจักรยานมาเลื่อยๆ พร้อมๆกับการเรียนในมหาวิทยาลัย
หลังจากเปลี่ยนมาใช้ โช๊ค และยางใหญ่ ขนาด 26x2.00 นิ้ว
แล้วอย่างที่บอก เมือได้เริ่มต้นก็ต้องมีครั้งต่อไป ด้วยความอยู่รู้อยากลองอะไหร่ที่ดีขึ้น มีประสิทธิภาพสูงขึ้นจึงเริ่มศึกษา เพื่ออัพเกรดชุดขับเคลื่อน
ก่อนจะพูดถึงเรื่องราวต่อไป ขอบอกก่อนว่า
การปั่นจักรยานทำให้ผมได้พบกับสังคมที่มีมิตรภาพดีๆให้กันตลอด พบเจอผู้คนใหม่ๆ
ต่างวัย ต่างอาชีพ ต่างความคิด แต่มีหนึ่งสิ่งที่เหมือนกันคือ ปั่นแล้วมีความสุข
แน่นอนความความตั้งใจตั้งแต่แรกของผมในการใช้จักรยานคือ ใช้ปั่นไปเรียน
ปั่นออกกำลังการ และสิ่งที่ผมรอค่อยและหาโอกาสคือปั่นท่องเที่ยว ออกทริป
ไปในที่ต่างๆ ผมเองชอบการเดินทางด้วยจักรยานมากๆ และเคยปั่นไปเที่ยวที่ต่างๆ
มาพอสมควรในที่นี้ผมจะยกตัวอย่างทริปเด่นๆ ที่ผมไปปั่นมาให้ดูกันครับ
ทริปเกินร้อยทริปแรก อันที่จริงผมเองก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่นะครับว่าปั่นทะลุ 100km ครั้งแรกตอนไหนเป็นสำหรับผมแล้วการปั่นจักรยานทางไกลเป็นเรื่องปกติไปซะแล้ว แต่ทีแน่ๆทริปเกินร้อยและปั่นกลับบ้านครั้งแรกของผมคือทริปนี้ครับ
ทริปนี้เป็นการเดินทางกลับบ้านครั้งแรกของผมด้วยจักรยานเลยก็ว่าได้ เส้นทางที่ผมใช้คือ ปั่นจาก มมส.(ม.ใหม่) มุ่งหน้าเข้าเมืองสารคาม ถึงวงเวียน หอนาฬิกาจังหวัดเลี้ยวซ้ายไปทาง อ.ฆ้องชัยไปตามทาง จนถึงสะพานขามชีต่อเขตมหาสารคาม กับ กาฬสินธุ์ และปั่นไปตามถนนเส้นยางตลาด ผ่าน อ.โพนทอง อ.หนองพอก ถึง อ.เลิงนกทาเลี้ยวขวามุมสู้บ้าน ด้วยถนนหมายเลข 212 บอกเลยครับไม่ง่ายเลยกับระยะทางเท่านี้แต่มันก็สอนให้ผมได้มีประสบการณ์หลายอย่าง (ชมภาพการเดินทางกดลิงค์ใต้ภาพเลยครับ)
และนั้นละครับ อย่างที่บอกการปั่นจักรยานท่องเที่ยวเดินทางไกล สำหรับผมนั้นถือเป็นเรื่องธรรมดา
และอีกทริปประทับใจทริปสุดมัน สองเสือบ้าบิ่น ฮ่าๆๆๆ
บริเวณสรรเขื่นลำปาว
ทางเขาอุทยานโลกไดโนเสาร์
ทริปที่มีชื่อว่า ทริปเล็กๆ แต่จริงๆสำหรับผมมันก็ไม่เล็กนะครับ
เมื่อเดือนมีนาคม 2012
อย่างที่เห็นครับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ทริปนี้ก็ถือเป็นทริปที่ใกล้ที่สุดที่ผมเดินทางด้วยจักรยานอบ่างเดียว(ขากลับนั้งรถไฟกลับ) โดยใช้เวลาทั้งหมดของทริปไปกลับ 5 วัน 4 คืน โดย 3 วันแรกปั่นไปแบชิลล์มากๆ 1 วันที่เขาใหญ่ 1 วันกลับถึง มมส. รายละเอี่ยดเรื่องราวมีเยอะมาก ผมเล่าเรื่องไม่เก่ง ไปดูภาพกันได้เลยนะครับ (ชมภาพทั้งหมด
ทริปเล็ก 1 ,
2 ,
3)
วันแรกตั้งแต่เริ่มเดินทาง
คืนแรก ร้อนมากกกกกกกก
วันที่สองของการเดินทาง
วันที่สองของการเดินทาง อากาศร้อนมาก แวะนอนกลางวัน
ร้อยกิโลเมตรแรก ของวันที่สอง
วันที่สอง เพราะอากาศร้อนเลยต้องปั่นตอนกลางคืน
คืนที่สอง ณ ป้อมตำรวจและโรงเรียนแห่งหนึ่ง
ถึงเขาใหญ่ ในวันที่สาม
การเดินทางของผมยังไม่สิ้นสุดและยังคงดำเนินต่อไปจนถึงทุกวันนี้
หลังจากทริปนี้เป็นเหมือนกรณีศึกษาให้กับผมเมื่อออกเดินทางเป็นประสบการครั้งยิ่งใหญ่ที่ส่งผลให้เกิดทริปอื่นๆตามมาอีกมากมาย
สิ่งที่ผมคิดและทำนั้นผมอาจบอกไม่ได้ว่าเป็นสิ่งที่ดีไหม แต่สิ่งที่ผมได้ทำนั้นมันได้สร้างและเติมเต็มหลายๆอย่างในชีวิตผม
สุดท้ายนี้ผมอยากฝากคำคมยาวๆ ที่ผมจำเค้ามาอีกที และผมคิดว่าอาจจะช่วยให้ใคร ๆ หลาย ๆ คนได้คิดที่จะกล้าออกเดินทางด้วยแรงของตัวเอง
"มันอาจไม่ใช่ประโยคที่เปลี่ยนผมเพราะเป็นประโยคที่ผมเป็น"(อันนี้คิดเองครับ)
วัยเด็ก มีแรง มีเวลา "ไม่มีเงิน"
วัยทำงาน มีเงิน มีแรง "ไม่มีเวลา"
วัยชรา มีเวลา มีเงิน "ไม่มีแรง"
ขอบคุญทุกๆ ท่านที่อ่านครับ