วันพุธที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ผลของ AEC ที่มีต่อบทบาทอาชีพ (วิศวกร)


เกร็ดความรู้

 สัญลักษณ์ของอาเซียน 



         สัญลักษณ์ของอาเซียนนั้น เป็นสัญลักษณ์ที่ใช้มานานตั้งแต่ก่อตั้ง ประกอบไปด้วยรูปรวงข้างสีเหลืองจำนวน 10 ต้น บน พื้นสีแดงล้อมรอบด้วยวงกลมสีขาวและสีน้ำเงิน โดยมีความหมายว่าดังนี้...
                 รวงข้าว 10 ต้น      หมายถึง ประเทศสมาชิก 10 ประเทศ
                   สีเหลือง               หมายถึง  ความเจริญรุ่งเรือง
                   สีแดง                    หมายถึง  ความกล้าหาญและการมีพลวัติ
                   สีขาว                    หมายถึง  ความบริสุทธิ์
                   สีน้ำเงิน                หมายถึง  สันติภาพและความมั่นคง


 เพลงประจำอาเซียน

           "The ASEAN Way"
           เป็นผลงานจากประเทศไทยที่ชนะเลิศจากการแข่งขันระดับภูมิภาคอาเซียน ประพันธ์โดย นายกิตติคุณ สดประเสริฐ (ทำนอง และ เรียบเรียง) ได้เริ่มใช้บรรเลงอย่างเป็นทางการครั้งแรกในพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 14 ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์  2552 ที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
   



ประเทศไทยกับอาเซียน


วัตถุประสงค์ของการก่อตั้งอาเซียน

ด้านเศรษฐกิจ การพัฒนาทางสังคม และ วัฒนธรรมการกินดีอยู่ดีของประชาชนบนพื้นฐานของความเสมอภาคและผลประโยชน์ร่วมกันของประเทศสมาชิกโดยแบ่งออกเป็นข้อ ๆ ได้ดังนี้


ข้อตกลงยอมรับร่วมในคุณสมบัตินักวิชาชีพของอาเซียน

          ความเป็นมา ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 9 เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2003 ณ เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ผู้นำอาเซียนทั้ง 10 ประเทศได้ร่วมลงนามในแถลงการณ์ Bali Concord II โดยในแถลงการณ์ได้มีการกำหนดให้จัดทำความตกลงยอมรับร่วม (ASEAN Mutual Recognition Arrangement : MRA) ด้านคุณสมบัติในสาขาวิชาชีพหลักภายในปี 2008 เพื่ออำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายนักวิชาชีพ/แรงงานเชี่ยวชาญ/ผู้มีความสามารถพิเศษของอาเซียนได้อย่างเสรี ซึ่งต่อมารัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนได้มีการลงนามในข้อตกลงสาขาต่างๆ ดังต่อไปนี้
ข้อตกลงยอมรับร่วมของอาเซียนด้านบริการวิศวกรรม ลงนามในปี  2005

ข้อตกลงยอมรับร่วมของอาเซียนด้านบริการวิศวกรรม
(ASEAN Mutual Recognition Arrangement on Engineering Services)

เปิดให้วิศวกรที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดสามารถจดทะเบียนเป็น วิศวกรวิชาชีพอาเซียน (ASEAN Chartered Professional Engineer)  ซึ่งการจดทะเบียนจะช่วยอำนวยความสะดวกในการขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมในประเทศอาเซียนอื่นได้  โดยต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบภายในของประเทศนั้นๆ ทั้งนี้ในบางประเทศรวมทั้งไทยได้กำหนดให้วิศวกรอาเซียนต้องปฏิบัติงานร่วมกับวิศวกรท้องถิ่น ส่วนวิศวกรที่ต้องการจดทะเบียนจะต้องผ่านการประเมินจากคณะกรรมการกำกับดูแล (Monitoring Committee) ในแต่ละประเทศ โดยของประเทศไทยจะดำเนินการโดยสภาวิศวกร
อ้างอิง จากข้อตกลงของอาเซียนที่มีผลต่อภาคอุตสาหกรรมไทย
ตารางที่ 3 สาระสำคัญของข้อตกลงยอมรับร่วมในคุณสมบัตินักวิชาชีพของอาเซียนในแต่ละสาขา
ข้อที่ 1 ข้อตกลงยอมรับร่วมของอาเซียนด้านบริการวิศวกรรม
(ASEAN Mutual Recognition Arrangement on Engineering Services)

ข้อมูลเพิ่มเติม http://aec.kapook.com/view49579.html



การปรับตัวของคุณเพื่อเตรียมรับมือกับ AEC 

1. เตรียมตัวทางด้านวิชาการความรู้ทางด้านวิชาชีพ และภาษา รวมถึงความรู้ทั่วไปเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อเตรียมตัวรับกับการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดแรงงาน

2. ฝึกฝนและหาประสบการณ์ด้านวิศวกร รวมถึงการสร้างผลงานในอาชีพวิศวกรเมื่อออกสู่ตลาดแรงงาน

3. ขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกร(กว เครื่องกล)  จำเป็นอย่างยิ่งจะต้องมีใบอนุญาต จากสภาวิศวกรไทย เพื่อความได้เปรียบในการทำงานในประเทศ

4. ศึกษาช่องทาง และเตรียมตัวให้พร้อม กรณีต้องการทำงานในสายอาชีพวิศวกรในต่างประเทศ (ในประเทศภาคีอาเซียน)  ใบอนุญาตที่ต้องมี คือใบอนุญาตวิศวกรอาเซียน(รับรองโดยประเทศต้นทาง และออกโดยกรรมการประสานงาน ACPECC) และใบอนุญาต RFPE (ซึ่งต้องขอและได้รับจากประเทศปลายทางก่อนเดินทางไปปฏิบัติงานวิชาชีพวิศวกรรมในประเทศปลายทางนั้นๆ)

5. เปิดใจเละเปิดโลกทัศน์ เรียนรู้ และศึกษาวัฒนธรรม ของประเทศเพื่อนบ้านและประเทศในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน รวมถึง กฎหมาย ขนบธรรมเนียมประเพณี ที่เหมาะสมเพื่อเตรียมตัวสู่ AEC




AEC มีผลต่อสายอาชีพของคุณอย่างไร (อ้างอิงจากสาขาที่คุณเรียน) 

1. มีการแข่งขันภายในประเทศสูงขึ้น  เนื่องจากเดิมประเทศไทยมีช่องทางให้วิศวกรต่างชาติสามารถเข้ามาประกอบอาชีพในประเทศได้ไม่ยากนักอยู่แล้ว เสมือนว่าไทยเราเปิดประเทศมานานแล้ว แม้ว่าจะมีสภาวิศวกรควบคุมและคุ้มครองสิทธิวิศกรไทยอยู่ แต่ด้วยช่องทางที่เอื่อให้วิศวกรต่างชาติเข้ามาได้ รวมทั้งการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) นี้ ไทยเมื่อเทียบค่าตอบแทนใสสายอาชีพนี้กับประเทศเพื่อนบ้าน ถึงว่าอยู่ในระดับสูง จึงอาจทำให้ความต้องการทำงานของต่างชาติเข้ามาในไทยมากว่าวิศวกรไทยออกสู่นอกประเทศ ทำให้สมดุลดูจะนี้จะเอนเอียงทำให้การแข่งขันในไทยนั้นสูงขึ้นนั้นเอง

2.  ไทยมีจุดอ่อนเมื่อเทียบกับประเทศในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) คืออันดับแรก เรื่องของภาษา โดยส่วนใหญ่ไทยถือว่าเสียเปรียบในเรื่องของภาษาทั้งภาษาอังกฤษ และรวมถึงภาษาต่างประเทศอื่น ของประเทศในกลุ่ม AEC เพราะเนื่องจาก กำแพงทางด้านภาษานี้อาจทำให้วิศวกรไทยถูกตัดออกจากตัวเลือก อันดับต่อมา คือค่าตอบแทนของวิศวกรไทยอาจสูงกว่าวิศวกรของประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม AEC ที่ความสามารถใกล้เคียงกันนั้นอาจเป็นเหตุผลที่วิศวกรไทยอาจต้องเสียเปรียบไปนั้นเอง

3.จุดแข็งของวิศวกรไทย คือเมื่อเทียบมาตรฐานหลักสูตรของวิศวกรไทยกับประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม AEC ประเทศไทยถือว่าอยู่ในมาตรฐาน จะเห็นได้ว่าต่างประเทศได้เข้ามาศึกษาในประเทศไทยมากขึ้น และด้วยคุณภาพของวิศวกรไทยนี้เองที่จะเป็นจุดแข็งของวิศวกรไทย อีกข้อคือประเทศไทยมี สภาวิศวกรไทย ที่ให้การคุ้มครองรับรองและปกป้องสิทธิของวิศวกรไทยที่มีความน่าเชื่อถือจึงเป็นจุดหนึ่งที่วิศวกรไทยจะสามารถแข่งขันได้ในการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนนี้

4.ความแตกต่างของมาตรฐานการออกแบบของแต่ละประเทศ  โดยทั่วไปมาตรฐานการออกแบบของวิศวกรไทยใช้แบบสากลหรือแบบ ระบบ SI ระบบหน่วยระหว่างประเทศ (International System of Units) หรือ ระบบเอสไอ (SI) คือ ระบบหน่วยมาตรฐานที่องค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐาน (ISO หรือ International Organization for Standardization) กำหนดขึ้นให้ทุกประเทศใช้เป็นมาตรฐาน เพื่อให้การใช้หน่วยเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก โดยเฉพาะในวงการวิทยาศาสตร์ ซึ่งไทยใช้มาตรฐานนี้เป็นหลัก แต่จากการศึกษาศาสตร์และสายอาชีพวิศวกรในประเทศกลุ่ม AEC พบว่า การไปทำงานในต่างประเทศ  แต่ละประเทศจะมีกฎกติกาหรือกฎเกณฑ์ข้อกำหนดในการออกแบบไม่เหมือนกัน  บางประเทศอาจใช้มาตรฐานอังกฤษ  บางประเทศใช้อเมริกัน หรือญี่ปุ่น  หรือแม้กระทั่งเยอรมัน หรือจีน การที่มีประสบการณ์ออกแบบโดยกฎเกณฑ์ไทย อาจใช้ไม่ได้ในประเทศเหล่านั้น และอาจต้องใช้เวลาในการศึกษาและปรับความคิดอีกมากพอสมควร แต่ก็ถือเป็นประสบการณ์ให้กับวิศวกรเพื่อเพิ่มทักษะ

5. การแบ่งสาขางานวิศวกรรม ปัญหาคือ งานทางวิศวกรรมสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายสิบสาขา  ขึ้นอยู่กับว่าจะลงละเอียดมากเพียงใด แต่ในประเทศไทยเรากำหนดไว้ในกฎหมายหรือพ.ร.บ.สภาวิศวกรเพียง 7 สาขา  ได้แก่ โยธา  ไฟฟ้า  เครื่องกล  อุตสาหการ  เหมืองแร่  สิ่งแวดล้อม  และเคมี  ในขณะที่บางประเทศกำหนดไว้ถึงยี่สิบสาขา  ส่วนที่ไทยไม่มีก็สมมุติเช่นวิศวกรรมปิโตรเคมี  วิศวกรรมการเกษตร  วิศวกรรม (การป้องกัน)น้ำท่วม  วิศวกรรมนาวี  วิศวกรรมอุโมงค์  ฯลฯ  ซึ่งนั่นหมายความว่า หากมีงานโครงการเกี่ยวกับวิศวกรรมนาวีขึ้นในไทย  วิศวกรต่างชาติจะสามารถเข้ามาปฏิบัติวิชาชีพในไทยได้ทันทีโดยอิสระและอัตโนมัติ  เพราะถือว่าสภาวิศวกรหรือประเทศไทยไม่ได้กำหนดให้เป็นวิชาชีพควบคุม ในขณะเดียวกัน  หากมีโครงการวิศวกรรมนาวีขึ้นในประเทศอาเซียนหนึ่งที่เขากำหนดให้วิชาชีพนี้เป็นวิชาชีพควบคุม   วิศวกรไทยที่แม้จะได้ใบอนุญาตเป็นวิศวกรวิชาชีพอาเซียนหรือ ACPE ก็ไม่สามารถไปทำงานด้านวิศวกรรมนาวีในประเทศนั้นได้  เพราะสภาวิศวกรไม่สามารถออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพประเภทนี้ได้ด้วยเหตุที่ยังไม่ใช่วิศวกรรมที่อยู่ในขอบข่ายของการควบคุมตามข้อบังคับของสภาวิศวกร(ไทย)






บทความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น