เกร็ดความรู้
สัญลักษณ์ของอาเซียน

รวงข้าว 10 ต้น หมายถึง ประเทศสมาชิก 10 ประเทศ
สีเหลือง หมายถึง ความเจริญรุ่งเรือง
สีแดง หมายถึง ความกล้าหาญและการมีพลวัติ
สีขาว หมายถึง ความบริสุทธิ์
สีน้ำเงิน หมายถึง สันติภาพและความมั่นคง
เพลงประจำอาเซียน
"The ASEAN Way"
เป็นผลงานจากประเทศไทยที่ชนะเลิศจากการแข่งขันระดับภูมิภาคอาเซียน
ประพันธ์โดย นายกิตติคุณ สดประเสริฐ (ทำนอง และ เรียบเรียง)
ได้เริ่มใช้บรรเลงอย่างเป็นทางการครั้งแรกในพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียน
ครั้งที่ 14
ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2552 ที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ประเทศไทยกับอาเซียน
วัตถุประสงค์ของการก่อตั้งอาเซียน
ด้านเศรษฐกิจ
การพัฒนาทางสังคม และ
วัฒนธรรมการกินดีอยู่ดีของประชาชนบนพื้นฐานของความเสมอภาคและผลประโยชน์ร่วมกันของประเทศสมาชิกโดยแบ่งออกเป็นข้อ
ๆ ได้ดังนี้
ข้อตกลงยอมรับร่วมในคุณสมบัตินักวิชาชีพของอาเซียน
ความเป็นมา
ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 9 เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2003 ณ เกาะบาหลี
ประเทศอินโดนีเซีย ผู้นำอาเซียนทั้ง 10 ประเทศได้ร่วมลงนามในแถลงการณ์ Bali Concord
II โดยในแถลงการณ์ได้มีการกำหนดให้จัดทำความตกลงยอมรับร่วม (ASEAN
Mutual Recognition Arrangement : MRA) ด้านคุณสมบัติในสาขาวิชาชีพหลักภายในปี
2008 เพื่ออำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายนักวิชาชีพ/แรงงานเชี่ยวชาญ/ผู้มีความสามารถพิเศษของอาเซียนได้อย่างเสรี
ซึ่งต่อมารัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนได้มีการลงนามในข้อตกลงสาขาต่างๆ ดังต่อไปนี้
ข้อตกลงยอมรับร่วมของอาเซียนด้านบริการวิศวกรรม
ลงนามในปี 2005
ข้อตกลงยอมรับร่วมของอาเซียนด้านบริการวิศวกรรม
(ASEAN Mutual
Recognition Arrangement on Engineering Services)
เปิดให้วิศวกรที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดสามารถจดทะเบียนเป็น
วิศวกรวิชาชีพอาเซียน (ASEAN
Chartered Professional Engineer) ซึ่งการจดทะเบียนจะช่วยอำนวยความสะดวกในการขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมในประเทศอาเซียนอื่นได้ โดยต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบภายในของประเทศนั้นๆ
ทั้งนี้ในบางประเทศรวมทั้งไทยได้กำหนดให้วิศวกรอาเซียนต้องปฏิบัติงานร่วมกับวิศวกรท้องถิ่น
ส่วนวิศวกรที่ต้องการจดทะเบียนจะต้องผ่านการประเมินจากคณะกรรมการกำกับดูแล (Monitoring
Committee) ในแต่ละประเทศ โดยของประเทศไทยจะดำเนินการโดยสภาวิศวกร
อ้างอิง
จากข้อตกลงของอาเซียนที่มีผลต่อภาคอุตสาหกรรมไทย
ตารางที่
3 สาระสำคัญของข้อตกลงยอมรับร่วมในคุณสมบัตินักวิชาชีพของอาเซียนในแต่ละสาขา
ข้อที่
1
ข้อตกลงยอมรับร่วมของอาเซียนด้านบริการวิศวกรรม
(ASEAN Mutual
Recognition Arrangement on Engineering Services)
ข้อมูลเพิ่มเติม
http://aec.kapook.com/view49579.html
การปรับตัวของคุณเพื่อเตรียมรับมือกับ AEC
1. เตรียมตัวทางด้านวิชาการความรู้ทางด้านวิชาชีพ และภาษา รวมถึงความรู้ทั่วไปเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อเตรียมตัวรับกับการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดแรงงาน2. ฝึกฝนและหาประสบการณ์ด้านวิศวกร รวมถึงการสร้างผลงานในอาชีพวิศวกรเมื่อออกสู่ตลาดแรงงาน
3. ขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกร(กว เครื่องกล) จำเป็นอย่างยิ่งจะต้องมีใบอนุญาต จากสภาวิศวกรไทย เพื่อความได้เปรียบในการทำงานในประเทศ
4. ศึกษาช่องทาง และเตรียมตัวให้พร้อม กรณีต้องการทำงานในสายอาชีพวิศวกรในต่างประเทศ (ในประเทศภาคีอาเซียน) ใบอนุญาตที่ต้องมี คือใบอนุญาตวิศวกรอาเซียน(รับรองโดยประเทศต้นทาง และออกโดยกรรมการประสานงาน ACPECC) และใบอนุญาต RFPE (ซึ่งต้องขอและได้รับจากประเทศปลายทางก่อนเดินทางไปปฏิบัติงานวิชาชีพวิศวกรรมในประเทศปลายทางนั้นๆ)
5. เปิดใจเละเปิดโลกทัศน์ เรียนรู้ และศึกษาวัฒนธรรม ของประเทศเพื่อนบ้านและประเทศในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน รวมถึง กฎหมาย ขนบธรรมเนียมประเพณี ที่เหมาะสมเพื่อเตรียมตัวสู่ AEC
AEC มีผลต่อสายอาชีพของคุณอย่างไร (อ้างอิงจากสาขาที่คุณเรียน)
1. มีการแข่งขันภายในประเทศสูงขึ้น เนื่องจากเดิมประเทศไทยมีช่องทางให้วิศวกรต่างชาติสามารถเข้ามาประกอบอาชีพในประเทศได้ไม่ยากนักอยู่แล้ว เสมือนว่าไทยเราเปิดประเทศมานานแล้ว แม้ว่าจะมีสภาวิศวกรควบคุมและคุ้มครองสิทธิวิศกรไทยอยู่ แต่ด้วยช่องทางที่เอื่อให้วิศวกรต่างชาติเข้ามาได้ รวมทั้งการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) นี้ ไทยเมื่อเทียบค่าตอบแทนใสสายอาชีพนี้กับประเทศเพื่อนบ้าน ถึงว่าอยู่ในระดับสูง จึงอาจทำให้ความต้องการทำงานของต่างชาติเข้ามาในไทยมากว่าวิศวกรไทยออกสู่นอกประเทศ ทำให้สมดุลดูจะนี้จะเอนเอียงทำให้การแข่งขันในไทยนั้นสูงขึ้นนั้นเอง2. ไทยมีจุดอ่อนเมื่อเทียบกับประเทศในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) คืออันดับแรก เรื่องของภาษา โดยส่วนใหญ่ไทยถือว่าเสียเปรียบในเรื่องของภาษาทั้งภาษาอังกฤษ และรวมถึงภาษาต่างประเทศอื่น ของประเทศในกลุ่ม AEC เพราะเนื่องจาก กำแพงทางด้านภาษานี้อาจทำให้วิศวกรไทยถูกตัดออกจากตัวเลือก อันดับต่อมา คือค่าตอบแทนของวิศวกรไทยอาจสูงกว่าวิศวกรของประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม AEC ที่ความสามารถใกล้เคียงกันนั้นอาจเป็นเหตุผลที่วิศวกรไทยอาจต้องเสียเปรียบไปนั้นเอง
3.จุดแข็งของวิศวกรไทย คือเมื่อเทียบมาตรฐานหลักสูตรของวิศวกรไทยกับประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม AEC ประเทศไทยถือว่าอยู่ในมาตรฐาน จะเห็นได้ว่าต่างประเทศได้เข้ามาศึกษาในประเทศไทยมากขึ้น และด้วยคุณภาพของวิศวกรไทยนี้เองที่จะเป็นจุดแข็งของวิศวกรไทย อีกข้อคือประเทศไทยมี สภาวิศวกรไทย ที่ให้การคุ้มครองรับรองและปกป้องสิทธิของวิศวกรไทยที่มีความน่าเชื่อถือจึงเป็นจุดหนึ่งที่วิศวกรไทยจะสามารถแข่งขันได้ในการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนนี้
4.ความแตกต่างของมาตรฐานการออกแบบของแต่ละประเทศ โดยทั่วไปมาตรฐานการออกแบบของวิศวกรไทยใช้แบบสากลหรือแบบ ระบบ SI ระบบหน่วยระหว่างประเทศ (International System of Units) หรือ ระบบเอสไอ (SI) คือ ระบบหน่วยมาตรฐานที่องค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐาน (ISO หรือ International Organization for Standardization) กำหนดขึ้นให้ทุกประเทศใช้เป็นมาตรฐาน เพื่อให้การใช้หน่วยเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก โดยเฉพาะในวงการวิทยาศาสตร์ ซึ่งไทยใช้มาตรฐานนี้เป็นหลัก แต่จากการศึกษาศาสตร์และสายอาชีพวิศวกรในประเทศกลุ่ม AEC พบว่า การไปทำงานในต่างประเทศ แต่ละประเทศจะมีกฎกติกาหรือกฎเกณฑ์ข้อกำหนดในการออกแบบไม่เหมือนกัน บางประเทศอาจใช้มาตรฐานอังกฤษ บางประเทศใช้อเมริกัน หรือญี่ปุ่น หรือแม้กระทั่งเยอรมัน หรือจีน การที่มีประสบการณ์ออกแบบโดยกฎเกณฑ์ไทย อาจใช้ไม่ได้ในประเทศเหล่านั้น และอาจต้องใช้เวลาในการศึกษาและปรับความคิดอีกมากพอสมควร แต่ก็ถือเป็นประสบการณ์ให้กับวิศวกรเพื่อเพิ่มทักษะ
5. การแบ่งสาขางานวิศวกรรม ปัญหาคือ งานทางวิศวกรรมสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายสิบสาขา ขึ้นอยู่กับว่าจะลงละเอียดมากเพียงใด แต่ในประเทศไทยเรากำหนดไว้ในกฎหมายหรือพ.ร.บ.สภาวิศวกรเพียง 7 สาขา ได้แก่ โยธา ไฟฟ้า เครื่องกล อุตสาหการ เหมืองแร่ สิ่งแวดล้อม และเคมี ในขณะที่บางประเทศกำหนดไว้ถึงยี่สิบสาขา ส่วนที่ไทยไม่มีก็สมมุติเช่นวิศวกรรมปิโตรเคมี วิศวกรรมการเกษตร วิศวกรรม (การป้องกัน)น้ำท่วม วิศวกรรมนาวี วิศวกรรมอุโมงค์ ฯลฯ ซึ่งนั่นหมายความว่า หากมีงานโครงการเกี่ยวกับวิศวกรรมนาวีขึ้นในไทย วิศวกรต่างชาติจะสามารถเข้ามาปฏิบัติวิชาชีพในไทยได้ทันทีโดยอิสระและอัตโนมัติ เพราะถือว่าสภาวิศวกรหรือประเทศไทยไม่ได้กำหนดให้เป็นวิชาชีพควบคุม ในขณะเดียวกัน หากมีโครงการวิศวกรรมนาวีขึ้นในประเทศอาเซียนหนึ่งที่เขากำหนดให้วิชาชีพนี้เป็นวิชาชีพควบคุม วิศวกรไทยที่แม้จะได้ใบอนุญาตเป็นวิศวกรวิชาชีพอาเซียนหรือ ACPE ก็ไม่สามารถไปทำงานด้านวิศวกรรมนาวีในประเทศนั้นได้ เพราะสภาวิศวกรไม่สามารถออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพประเภทนี้ได้ด้วยเหตุที่ยังไม่ใช่วิศวกรรมที่อยู่ในขอบข่ายของการควบคุมตามข้อบังคับของสภาวิศวกร(ไทย)
บทความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น